ฟื้นเศรษฐกิจเอเชีย : FedEx แนะการพัฒนาที่ยั่งยืนจะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ

0
1076

แม้ปัจจุบันเรากำลังดำเนินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเชียระยะสั้น ที่ส่งเสริมให้ผู้คนกลับเข้าทำงานในออฟฟิศเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่เราควรคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) โดยคำนึงความเสี่ยงด้านธรรมชาติที่เป็นภัยคุกคามหลัก

อย่างไรก็ตาม Ms. Kawal Preet ประธาน บริษัท FedEx Express ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา (AMEA) ได้เสนอแนะแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเอเชียผ่านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

1. เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส

ปีนี้นับเป็นปีแรกที่รายงานความเสี่ยงโลก ซึ่งจัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก แสดงถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่ออนาคต ปัญหาหนึ่งคือมลพิษทางอากาศและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่แม้จะลดลงชั่วคราวเพราะผู้คนพากันเก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่ก็ยังเป็นภัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เราควรมองหานวัตกรรมเพื่อลดมลพิษอย่างถาวร และยกระดับคุณภาพชีวิตของเราไปด้วยในเวลาเดียวกัน

วิกฤติโควิด-19 ได้สอนให้โลกรู้จักปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูมิภาคเอเชียทวีความคล่องตัวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปริมาณการขนส่ง การปรับเส้นทางการขนส่ง และการจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับการจัดส่งเฉพาะแบบเร่งด่วน แต่เราไม่ควรหยุดอยู่เพียงเท่านี้ เมื่อคนทั้งโลกกำลังพิจารณารูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ เราควรใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วยในเวลาเดียวกัน

โดยสามารถเริ่มจากการทำงานจากที่บ้าน ลดการเดินทางลงแต่เพิ่มการติดต่อสื่อสารให้มากขึ้น การทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนอีกด้วย ในหลายประเทศได้มีการเปิดเลนจักรยานเพิ่ม ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และส่งเสริมสุขภาพชุมชนให้แข็งแรง ในขณะนี้หลายบริษัทเริ่มตอบสนองต่อเทรนด์ความต้องการผลิตภัณฑ์ยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องแล้วเช่นกัน

2. ทำงานร่วมกันเพื่อโอกาสและความสำเร็จที่มากกว่า

ในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นการร่วมงานระหว่างหลายบริษัท หวังเร่งความเร็วในการจัดส่งเวชภัณฑ์ออกสู่นานาประเทศทั่วโลก โดยบริษัท FedEx ได้จัดส่งหน้ากากอนามัยกว่า 4 ล้านชิ้น และชุดทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19  อีกกว่า 4 ล้านชุดตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน

ในอนาคตข้างหน้านี้กลุ่มบริษัทควรร่วมกันสร้างโอกาสในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารโลก ที่มองการลงทุนหลังวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาสอันงามในการช่วยสนับสนุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure – GI) โดยเริ่มจากการติดตั้งสถานีบริการไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Point) ในจุดต่างๆ

ทั้งนี้ บริษัท FedEx ยังเดินหน้าช่วยส่งเสริมความพยายามด้านความยั่งยืน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กว่าร้อยละ 40 ในทศวรรษที่ผ่านมา จนถึงปี 2019 ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นมากถึงร้อยละ 96 นอกจากนี้  FedEx ยังช่วยสนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ สามารถก้าวข้ามความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย อาทิ Indigo Agriculture บริษัทสตาร์ทอัพ ที่มีพันธกิจในการฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน และสร้างกำไรผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กัน ซึ่งบริษัท Indigo Agriculture สามารถไต่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนรายชื่อผู้สร้างนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของ CNBC ได้สำเร็จในปี 2019

3. พิจารณาหาสิ่งที่สำคัญที่สุด

FedEx ไม่เพียงพิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังคำถึงนึงความรับผิดชอบระดับโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการขนส่งเวชภัณฑ์ อย่างกล่องควบคุมอุณหภูมิที่เป็นบริการด้าน
บรรจุภัณฑ์ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือนำไปรีไซเคิลได้

แนวคิดริเริ่มสีเขียวและการมุ่งเน้นการทำประโยชน์แก่สังคมของ FedEx เป็นตัวจุดประกายความสำเร็จที่สำคัญของบริษัท และถึงแม้ว่ารายงานความก้าวหน้าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia and the Pacific SDG Progress Report) จะระบุว่าภูมิภาคเอเชียมีความสามารถมากพอจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาได้ภายในปี 2030 แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถเร่งความเร็วด้านการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนได้ โดยเพิ่มการเชื่อมต่อแบบดิจิทัล

ยิ่งไปกว่านั้น อนาคตอันใกล้นี้นับเป็นโอกาสทองของการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพราะกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หลังภัยโควิด-19 ส่งผลให้นวัตกรรมเกิดการพัฒนาต่อยอดในกลุ่มธุรกิจยั่งยืนที่เน้นการเชื่อมต่อแบบดิจิทัล โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มักให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มียอดการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก

4. ลด ทดแทน ปฏิวัติ (Reduce, Replace, Revolutionize)

FedEx เดินหน้าธุรกิจตามกลยุทธ์ความยั่งยืน ‘ลด ทดแทน ปฏิวัติ (Reduce, Replace, Revolutionize)’ สี่ด้านคือ ประสิทธิภาพเครื่องบิน ประสิทธิภาพยานยนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกแบบยั่งยืน และการใช้วัสดุที่ยั่งยืนร่วมกับการรีไซเคิล โดยบริษัทฯ เน้นการขนส่งที่ปลอดภัยและแม่นยำผ่านการใช้เทคโนโลยีด้านการขนส่งที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพ ควบคู่กับการใช้หุ่นยนต์และการใช้โดรนขนส่งพัสดุเพื่อปฏิวัติรูปแบบการขนส่งแบบเดิมๆ

นอกจากนี้ การส่งแบบไร้การสัมผัส (contactless delivery) เองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาในยุคดิจิทัล
ซึ่ง FedEx กำลังวางแผนให้ Roxo หรือ หุ่นยนต์ SameDay Bot สามารถร่วมทางไปกับผู้คนบนทางเท้า หรือใช้เลนจักรยานภายในภูมิภาคเอเชียได้ในอนาคต

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้DHL Express ทุ่มงบ 70 ล้านยูโร สร้างศูนย์กระจายสินค้าในท่าอากาศยาน Munich
บทความถัดไปDelta Cargo แต่งตั้งทีมบริหารประจำภูมิภาคใหม่
Phubet Boonrasri
Chen is an experienced writer and an avid explorer of nature. He thrives on travelling, hiking, and backpacking to new places. His wanderlust has allowed him to experience and learn from new cultures, allowing him to better accommodate for whatever comes his ways.