DHL Express ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ด่วนในเครือ Deutsche Post DHL Group เปิดตัวบริการส่งออกแคคตัสไปต่างประเทศ ‘Cactus Export Service’ จากไทยสู่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชาในวันถัดไป ผ่านเส้นทางบินตรงจากศูนย์กลางการขนส่งสินค้ากรุงเทพฯ เชื่อมต่อสู่สี่ประเทศปลายทาง พร้อมระบบตรวจสอบสถานะการจัดส่งพัสดุครอบคลุมทั่วทั้งระบบซัพพลายเชน และเป็นการขนส่งด้วยฝูงเครื่องบินขนส่งสินค้าของ DHL รวมไปถึงปฏิบัติการขนส่งภาคพื้นดิน และศูนย์บริการด้านโลจิสติกส์ต่าง ๆ

“การสนทนากับลูกค้าเป็นประจำช่วยให้เราสามารถประเมินคุณภาพการให้บริการ รวมถึงระบุสิ่งที่เราสามารถพัฒนาต่อได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท เรามองหาวิธีการส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้ามาโดยตลอด เพื่อเป็นผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ การขยายขีดความสามารถในการส่งออกแคคตัสครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการทำธุรกิจระหว่างประเทศของผู้ค้าท้องถิ่นแล้ว ยังแสดงถึงความสามารถรอบด้าน และความมุ่งมั่นของเราในการตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าอีกด้วย” Mr. Ken Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL Express Asia Pacific กล่าว

ผลการศึกษาจาก The Global Succulent & Cactus Plants Market Report 2021 เผยว่าตลาดแคคตัสและพืชอวบน้ำจะมีการเติบโตโดยรวมเฉลี่ย 16.8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีไปจนถึงปี 2027 โดยแคคตัสหลายสายพันธุ์จะเติบโตเฉพาะพื้นที่ และมีการเติบโตที่ช้า ทำให้เป็นที่ต้องการในหมู่ผู้ชื่นชอบแคคตัส และนักสะสมที่สนใจพันธุ์ไม้หายาก

“สถานการณ์โรคระบาดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ไลฟ์สไตล์แบบอีคอมเมิร์ซ บริการส่งออกแคคตัสนี้จะทำให้ผู้เพาะเลี้ยงแคคตัสสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่าย DHL Express ที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวบริการครั้งนี้ตอกย้ำถึงคำสัญญาของบริษัทที่ให้กับผู้ประกอบการ SME ในไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากที่สุด เรายังคงสร้างสรรค์บริการต่างๆ สำหรับลูกค้า SME ชาวไทย และทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมฝ่ายปฏิบัติการเพื่อสร้างวิธีการทำงานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดในการขนส่งแคคตัสไปต่างประเทศ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากที่สุด” คุณเฮอร์เบิต วงษ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท DHL Express ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าว

การส่งออกแคคตัสจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา กับ DHL Express ต้องใช้เอกสารเพื่อขออนุญาตในการทำเรื่องขอส่งออก ได้แก่ ใบอนุญาตส่งออกสินค้า CITES  โดย CITES เป็นอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และใบรับรองปลอดศัตรูพืช เพื่อรับรองว่าสินค้าที่ส่งออกปลอดศัตรูพืช และเป็นไปตามเงื่อนไขของประเทศปลายทาง โดยผู้รับปลายทางต้องติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนได้รับสินค้าเพื่อเตรียมเอกสารการนำเข้าสินค้าซึ่งแตกต่างกันในแต่ละประเทศปลายทาง เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับสินค้าได้ในวันถัดไป ทั้งนี้ ไม่นับรวมระยะเวลาตรวจสอบสินค้าตามกระบวนการศุลกากรและการเดินพิธีศุลกากร

คุณอธิวัธ จักรพันธ์ เจ้าของธุรกิจ Cactus Inter ผู้เพาะพันธุ์และส่งออกแคคตัส กล่าวว่า “แม้แคคตัสจะทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี และสามารถอยู่ได้โดยปราศจากดินเป็นระยะเวลานานร่วมเดือน แต่การแพ็คและจัดส่งแคคตัสในสภาพอากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวก อาจทำให้ต้นไม้มีอายุสั้น และส่งผลต่อคุณภาพของสินค้า ดังนั้นการเลือกผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ไว้ใจได้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้American Airlines สนับสนุนทำเนียบขาวในปฏิบัติการกระจายวัคซีน COVID-19 ไปยังทั่วโลก
บทความถัดไปGerry’s dnata ขึ้นแท่นผู้ให้บริการภาคพื้นรายแรกในปากีสถานที่ได้รับการรับรอง GDP
Pichanon Paoumnuaywit
tech and history geek, who enjoys hunting and photographing dark skies and milky way