cargo-partner เพิ่มตัวช่วยขนส่งด่วนจากเอเชียไปยังยุโรปและสหรัฐฯ

0
2425

cargo-partner ผู้ให้บริการโซลูชันโลจิสติกส์ด้วยระบบ IT ที่ทันสมัย ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับการขนส่งสินค้าจากจีนไปยังยุโรป และสหรัฐอเมริกา ผ่านทางกรุง Hanoi ประเทศเวียดนาม เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและทางเลือกด้านต้นทุนสำหรับช่วงที่มีการขนส่งหนาแน่น Mr. Luca Ferrara ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรปตะวันตกและอเมริกา บริษัท cargo-partner อธิบายว่า “เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ระวางสำหรับการขนส่งสินค้าออกจากประเทศจีนมีไม่เพียงพอ ทำให้ลูกค้าต้องทำการจองการขนส่งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความเสี่ยงที่ชิปเมนต์จะไม่ได้รับการขนส่งหรือถูกเลื่อนการขนส่งไปเที่ยวบินหน้า ซึ่งจะทำให้สินค้าไปถึงที่หมายล่าช้าเพิ่มขึ้นอีกกว่าหนึ่งสัปดาห์”

ด้วยบริการขนส่งต่อเนื่องทางถนนและทางอากาศแบบใหม่ผ่าน Hanoi ประเทศเวียดนามของ cargo-partner ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกสำหรับการส่งออกสินค้าจากประเทศจีนมากขึ้น อีกทั้งยังย่นระยะเวลาการขนส่งเหลือเพียงประมาณ 8-10 วัน โดยทำการขนส่งทางถนนจากจีนไปยัง Hanoi และทางอากาศจาก Hanoi ไปยังยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา จากนั้นจึงทำการขนส่งไปยังปลายทางสุดท้าย อย่างไรก็ตาม บริการดังกล่าวสามารถใช้ได้กับชิปเมนต์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนัก 3,000 กิโลกรัมขึ้นไป โดยค่าบริการจะมีความคงที่และแข่งขันได้มากกว่าเที่ยวบินตรง”

นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเทศที่มักได้รับผลกระทบจากปัญหาพื้นที่ระวางไม่เพียงพอได้แก่เมียนมาร์ “ช่วงหลายเดือนมานี้ พื้นที่ระวางสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศออกจากเมียนมาร์ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้านานถึงสี่สัปดาห์นับจากวันที่จองจนถึงวันที่ขนถ่ายสินค้า” Mr. Ferrara กล่าว

ดังนั้นโซลูชันของ cargo-partner จึงเข้ามาตอบโจทย์ในสถานการณ์นี้ ด้วยการมอบบริการขนส่งโดยรถบรรทุกจากเมียนมาร์มายังประเทศไทยภายใน 2-4 วัน และจากไทยไปยังยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาทางอากาศภายใน 2-3 วัน จากนั้นจึงทำการขนส่งไปยังปลายทางสุดท้ายภายใน 1-2 วัน พร้อมกันนี้ยังดูแลด้านพิธีศุลกากรทั้งหมดบริเวณเขตพรมแดนและท่าอากาศยานอีกด้วย “โซลูชันนี้ทำให้ลูกค้าของเรามีตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับสินค้าที่ต้องการการขนส่งแบบเร่งด่วน ขณะที่ค่าบริการคงที่ตลอดทั้งปี” Mr. Ferrara กล่าวเสริม

จากเหตุการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปัจจุบันสำนักงานของ cargo-partner ในประเทศไทย ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี และเวียดนาม จัดให้พนักงานเข้าประจำที่สำนักงานโดยแบ่งเป็นกะ และครึ่งหนึ่งจะปฏิบัติงานจากที่บ้าน อย่างไรก็ตาม แผนกปฏิบัติการทุกแผนกยังคงดำเนินการเหมือนในภาวะปกติ และทางบริษัทฯ มีการเตรียมการเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Airfreight Logistics เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Airfreight Logistics หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้UPS ทดสอบรถหัวลากไฟฟ้าอัตโนมัติจาก Gaussin ที่ศูนย์เทคโนโลยีในลอนดอน
บทความถัดไปUPS เปิดตัวปลั๊กอินอีคอมเมิร์ซเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก
Saranya Apichaipaisan is a content writer and translator who specializes in business, lifestyle and marketing content. She is keen to learn new things.